วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผู้นำแห่งความสำเร็จ

. ผู้นำแห่งความสำเร็จ
1. ตัดสินใจเด็ดขาด รู้จักตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ตัดสินใจเร็ว ถูกต้องและมีเหตุผล
2. มีเป้าหมายชัดเจน ต้องมีจุดยืน มีอุดมการณ์หรือจุดหมายที่ชัดเจน ทำให้สามารถมุ่งหน้าไปยังจุดๆ นั้นได้ง่ายและเร็วขึ้น
3. รู้จักใช้คน Put he right man in the right job. ต้องรู้จักลูกน้องของตนว่าใครเหมาะที่จะทำอะไร งานไหนควรให้ใครรับผิดชอบ คนไหนเก่งอะไร มีข้อบกพร่องด้านใดอยู่บ้าง ก็พยายามแก้ไขให้เขาสมบูรณ์แบบขึ้น ใครขาดใครเกินส่วนไหน ก็ปรับแต่งให้ลงตัว
4. ซื่อสัตย์ มีความซื่อสัตย์ต่อองค์กร บริหารค่าใช้จ่ายอย่างเป็นธรรมถูกต้องไม่เอารัดเอาเปรียบ
5. สนับสนุนลูกน้อง ต้องเปิดโอกาสให้ลูกน้องพิสูจน์ความสามารถ ไม่แย่งผลงานและโอกาสในการสร้างผลงานของลูกน้องมาเป็นผลงานของตัวเอง ผลักดัน สนับสนุน และสร้างเสริมความสามารถให้ลูกน้องเก่งขึ้น
6. มีมนุษยสัมพันธ์ดี ต้องมีมนุษยสัมพันธ์ดีทั้งในและนอกองค์กร รู้จักยืดหยุ่น มีอารมณ์ขัน มีการพบปะสังสรรค์กันนอกเวลางานบ้าง เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน
7. รู้จักรับฟังความคิดเห็นของลูกน้อง ต้องรู้จักรับฟังความคิดเห็นของลูกน้อง ไม่ปิดกั้นความคิดของลูกน้อง
8. บุคลิกภาพต้องดีเยี่ยม ควรเป็นผู้มีบุคลิกดี แต่งกายเหมาะสมกับรูปร่างหรือฐานะทางสังคม ต้องดูสะอาดสะอ้าน ดูสุภาพ มีบุคลิกดึงดูดใจ น่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป
9. มีศิลปะในการเจรจา ต้องมีน้ำเสียงนุ่มนวล พูดอย่างไตร่ตรอง รู้คิด รู้สถานการณ์ รู้กาลเทศะ มีการเตรียมการมาก่อน พูดอย่างสั้นไม่สับสน กระชับ ตรงประเด็น จริงใจ เป็นธรรมชาติ ใช้เสียงที่ดังพอประมาณ มีเสียงหนักเบาเพื่อเน้นความสำคัญของสิ่งที่พูด และไม่ทำให้รู้สึกเบื่อ
10. มีความเป็นผู้นำ ต้องมีความคิดที่เฉียบคม การลงมือที่เฉียบขาด และมีการประสานงานที่เฉียบแหลม ปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง เข้าใจองค์กรและเห็นใจผู้ร่วมงาน ประสานประโยชน์ขององค์กรและผู้ร่วมงานได้ดี ได้รับความเชื่อถือศรัทธาจากผู้ร่วมงานในทุกระดับ

2. ภาวะผู้นำกับการเป็นผู้บริหารที่ดี

ประเภทของผู้นำ
- ผู้นำแบบเผด็จการ เป็นผู้นำที่มีความเด็ดขาดในตัวเอง ถือเรื่องระเบียบวินัย กฎเกณฑ์ข้อบังคับเป็นหลัก ในการดำเนินงานการตัดสินใจต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับผู้นำแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
- ผู้นำแบบประชาธิปไตย ให้สิทธิ์ในการออกความคิดเห็น สิทธิในการเรียกร้อง รวมไปถึงการเคารพสิทธิของผู้อื่นด้วย
- ผู้นำแบบตามสบาย เป็นผู้นำที่ไปเรื่อยๆ มีความอ่อนไหวไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

การใช้อำนาจของผู้บริหาร แบ่งได้ดังนี้

1. การใช้อำนาจเด็ดขาด อาจจะเป็นในวงการทหารหรือตำรวจ จะต้องมีความเด็ดขาดในการสั่งการ
2. การใช้อำนาจอย่างมีศิลปะ ผู้นำโดยทั่วไปเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ มีความอดทนรวมไปถึงประสบการณ์ในการบังคับบัญชาคน หากการทำงานโดยเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้วผลงานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะต้องเป็นที่ยอมรับของคนโดยทั่วไป
3. การใช้อำนาจด้วยวิธีการปรึกษาหารือ ผู้บริหารเปิดใจกว้างย่อมได้รับการยอมรับของผู้ร่วมงานด้วยกัน โดยเฉพาะในเรื่องของการสอนงานแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาในลักษณะการใช้อำนาจด้วย วิธีการปรึกษาหารือ
4. การใช้อำนาจแบบมีส่วนร่วม ถือเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดเนื่องจากผู้บริหารเปิดใจกว้าง มีประสิทธิภาพสูงสุดจะขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของแต่ละคน การใช้อำนาจให้เป็นประโยชน์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อม รวมถึงลักษณะของการดำเนินงานในแต่ละกิจกรรมนั้น ๆ

หน้าที่ของผู้นำ แบ่งออกได้ดังนี้

1. ลักษณะของการควบคุม อาจ จะใช้การควบคุมด้วยระบบเอกสาร ระบบของงานที่เกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน หรือเป็นการควบคุมในระบบด้วยตัวของมันเองอย่างอัตโนมัติ
2. ลักษณะของการตรวจตรา เป็นหน้าที่โดยตรงของผู้นำหรือผู้บริหารที่จะต้องติดตามความเคลื่อนไหว หรือผลการดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อที่จะสามารถแก้ไขในเหตุการณ์นั้นๆ ได้ทัน
3. ลักษณะของการประสานงาน
4. ลักษณะของการวินิจฉัยสั่งการ ผู้นำที่ดีจะต้องวินิจฉัยสั่งการมีความชัดเจน รู้จักการใช้คนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
5. ลักษณะของการโน้มน้าวให้ทำงาน ชักชวนให้สมาชิกมีความสนใจในการปฏิบัติงานด้วยความเต็มใจและตั้งใจทำงานให้เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพมากที่สุด
6. ลักษณะของการประเมินผลงาน พิจารณาความดีความชอบตลอดระยะเวลาการทำงานอย่างถูกต้องและเป็นธรรม เป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจในการทำงาน ควรประเมินเป็นระยะ ๆ และสามารถแจ้งผลให้ผู้ที่ถูกประเมินได้ทราบเพื่อจะได้แก้ไขในโอกาสต่อไป

คุณสมบัติที่ดีของผู้นำ

1. มีความรู้ ความสามารถ การใช้สติปัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆให้สำเร็จลุล่วงไปได้
2. เป็นผู้มีสังคมดี มีอารมณ์มั่นคง มีวุฒิภาวะ มีความเชื่อมั่นในตนเอง
3. เป็นผู้ที่มีแรงกระตุ้นภายใน คือมีจิตสำนึกเกิดขึ้นในตัวของผู้นำ เป็นแรงกระตุ้นที่จะโน้มน้าวให้ผู้ปฏิบัติงานมีความปรารถนาที่จะทำงานให้ เกิดความสำเร็จ
4. เป็นผู้ที่มีทัศนคติที่ดีและมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ตระหนักในคุณค่าและศักดิ์ศรีของตัวเองและลูกน้อง มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน มองโลกในแง่ดี

ลักษณะของผู้นำที่จะทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพสูงสุด

1. ต้องเป็นนักเผด็จการ สามารถจะสั่งการได้อย่างเด็ดขาด
2. ต้องเป็นนักพัฒนา สามารถสร้างสรรค์งานใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา
3. ต้องเป็นนักบริหาร ใช้การทำงานด้วยวิธีใหม่ ๆ เปิดโอกาสให้สมาชิกได้ร่วมแสดงความคิดเห็น
4. ต้องเป็นนักเผด็จการอย่างมีศิลปะ เป็นนักพูดที่เฉลียวฉลาด พูดชักชวนให้เกิดการทำงานด้วยความเต็มใจ มีการเสนอแนะและหว่านล้อม ให้เห็นคล้อยตาม

3. ความสำคัญของภาวะผู้นำต่อความสำเร็จขององค์กร

ความสำคัญของภาวะผู้นำต่อความสำเร็จขององค์กร
ความสำคัญของภาวะผู้นำต่อความสำเร็จขององค์กร และการสร้างองค์กรที่มีความสำเร็จ แบบยั่งยืน (Sustained Superior Performance) และเป็นองค์กรที่ยิ่งใหญ่ ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่

1. บุคลากรทุกระดับในองค์กรมีศักยภาพ
2. ผู้นำองค์กรมีศักยภาพ
3. องค์กรมีศักยภาพในการปฏิบัติงานให้เกิดผล

วัฒนธรรมองค์กร มีองค์ประกอบสำคัญ 2 ด้าน คือ คุณลักษณะ (Characters) และความรู้ความสามารถ (Competencies) ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดวัฒนธรรมองค์กร ที่จะทำให้องค์กรมีความเข้มแข็งและประสบความความสำเร็จ เพราะฉะนั้น หน้าที่สำคัญประการหนึ่งของผู้นำองค์กรก็คือ ต้องพัฒนาคุณลักษณะและความรู้ความสามารถของบุคลากรในองค์กรอย่างต่อเนื่อง

ผู้นำที่ประสบความสำเร็จจะต้องเป็นผู้นำที่มีวุฒิภาวะที่ดี ซึ่งวุฒิภาวะของมนุษย์นั้นแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ

1. Dependence คือ ต้องพึ่งพาคนอื่น ซึ่งจะไม่สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้
2. Independence คือ มีความมั่นใจในตนเอง มีจุดยืน มั่นคง
3. Interdependence คือ สามารถพึ่งพาตนเองและนำคนอื่นได้ เป็นวุฒิภาวะที่ควรมีในตัวของผู้นำที่ดี

การนำพาตนเองไปสู่การเป็นผู้นำที่มีวุฒิภาวะในระดับ Interdependence ได้นั้น จะต้องเริ่มจากการพัฒนาตนเองให้มี 7 อุปนิสัย เพื่อการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ คือ

1. Be Proactive : รับผิดชอบในสิ่งที่เลือกและผลลัพธ์ของสิ่งที่ทำ โดยไม่ปัดความรับผิดชอบ
2. Begin with the End in Mind : มีวิสัยทัศน์ รู้ว่าสิ่งที่ต้องการคืออะไร มีเป้าหมายที่ชัดเจน
3. Put First Things First :ทำแต่สิ่งที่สำคัญและใช้เวลาให้คุ้มค่าเต็มที่ มีจุดมุ่งหมาย
4. Think Win-Win : ใจกว้าง ไม่คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวยินดีต่อ ความสำเร็จของผู้อื่น
5. Seek First to Understand, Then to be Understood : เข้าใจซึ่งกันและกัน รับฟังความต้องการและข้อแนะนำของผู้อื่น
6. Synergize : เกิดพลังร่วม เป็น team work ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน
7. Sharpen the Saw : พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งกาย วาจา และใจ

บทบาทของผู้นำที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ

1. ผู้นำต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี เพื่อให้บุคลากรในองค์กรเกิดความศรัทธา และต้องการทำตามผู้นำ
2. ผู้นำต้องให้วิสัยทัศน์และทิศทางที่ชัดเจนขององค์กร และสื่อสารให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจ
3. ผู้นำต้องทำให้สิ่งต่างๆในองค์กรมีความสอดคล้อง มีระบบสนับสนุนที่ทำให้การดำเนินงานต่าง ๆ ภายในองค์กรสามารถเกิดขึ้นได้
4. ผู้นำต้องรู้จัก empower บุคลากรในองค์กร เนื่องจากความสำเร็จขององค์กรนั้นจะเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือในการปฏิบัติงานของทุกคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น